Motorola Edge 30 Neo มือถือระดับมิดเรนจ์รุ่นใหม่จากตระกูล Moto Edge ซีรีส์ ซึ่งถือเป็นรุ่นน้องเล็กของ Edge 30 Ultra และ Edge 30 Fusion โดยมันมาพร้อมพาเนล OLED ความกว้าง 6.28 รีเฟรชเรท 120Hz ติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ตั้งแต่โรงงาน ใช้ขุมพลังประสิทธิภาพสูงอย่าง Snapdragon 695 ที่ให้ความเร็วสูงสุด 2.2GHz และมีกล้องหลังแบบเลนส์คู่ ความคมชัดสูงสุด 64MP พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,020mAh รองรับระบบชาร์จไว 68W
Motorola Edge 30 Neo ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 695 และ RAM ขนาด 8GB
Motorola Edge 30 Neo จริง ๆ แล้ว มันเป็น 1 ใน 3 มือถือจากตระกูล Moto Edge Series ที่เปิดตัวออกมาพร้อม ๆ กันในปีนี้ โดยมีรุ่นพี่อย่าง Edge 30 Ultra และ Edge 30 Fusion แต่ทั้ง 2 รุ่นนี้ถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Moto X30 และ Moto S30 Pro สำหรับขายในจีน โดยมันมาพร้อมกับพาเนล OLED ความกว้าง 6.28 นิ้ว คมชัด FHD+ บนอัตราส่วน 20:9 มีค่าความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลสูงถึง 419ppi รีเฟรชเรท 120Hz และยังติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอด้วย ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่การันตีการอัปเดตถึง Android 14 ใช้ขุมพลังระดับมิดเรนจ์ Snapdragon 695 ขนาด 6 นาโนเมตร ความเร็วสูงสุด 2.2GHz ทำงานร่วมกับจีพียู Adreno 619 เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในความจุ 128GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,020mAh รองรับระบบชาร์จไว 68W ที่ว่ากันว่าสามมารถชาร์จแบตจาก 0 – 100% ภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น แถมยังรองรับระบบชาร์จไร้สาย 5W อีกด้วย
Motorola Edge 30 Neo ยังติดตั้งกล้องหลังแบบเลนส์คู่ ความคมชัด 64MP+13MP พร้อมระบบกันสั่น OIS รองรับการถ่ายภาพมุมกว้างสูงสุด 120 องศา และสามารถบันทึกวิดีโอ FHD ที่ 60fps กล้องหน้าให้มาที่ขนาด 32MP ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูตรงกลางด้านบนหน้าจอ นอกจากนี้ ตัวมือถือยังรอบรับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP52 ที่สามารถป้องกันละอองน้ำในมุมไม่เกิน 15 องศาในแนวตั้งได้ ในส่วนของการเชื่อมต่อต่าง ๆ ก็รองรับทั้ง Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.1, USB Type-C 3.1 และ NFC แต่จะไม่มีรูเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรติดตั้งมาให้ ทำให้ต้องใช้งานร่วมกับหูฟัง Bluetooth เท่านั้น
สำหรับ Motorola Edge 30 Neo มีเปิดตัวในโซนยุโรปไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน ที่ผ่านมา โดยมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีเขียว, สีดำ, สีม่วง และสีขาว สนนราคาอยู่ที่ราว 369 ยูโร หรือประมาณ 13,xxx บาท (ไม่รวมภาษี) ส่วนจะมีการนำเข้ามาขายในบ้านเราด้วยหรือไม่นั้น คงต้องติดตามกันต่อไป
(ขอบคุณภาพประกอบจาก stepgeek.net และ techupdate.news)